วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

การเข้าระบบ และการติดตาม

การติดตามคืออะไร
คุณมีบล็อกที่โปรดปราน และต้องการให้ผู้เขียนและผู้ือ่านทราบว่าคุณเป็นแฟนประจำหรือไม่ ขณะนี้คุณสามารถทำได้ และ ทำได้มากกว่านั้น ด้วยคุณลักษณะการติดตามของ Blogger! คุณสามารถเฝ้าดูบล็อกที่คุณติดตาม ผ่านทาง รายการเรื่องรออ่าน บนกระดานข้อมูล Blogger
ฉันจะเป็นผู้ติดตามบล็อกได้อย่างไร
คุณสามารถเป็นผู้ติดตามบล็อกได้หลายวิธี วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือการเข้าสู่บล็อกที่เพิ่ม Widget การติดตาม และและคุณจะพบหน้าต่างป็อปอัปพร้อมด้วยตัวเลือกที่จะติดตามแบบ สาธารณะหรือแบบไม่ระบุชื่อ:คลิกที่ลิงค์ ติดตามบล็อกนี้ ใต้ widget ผู้ติดตาม


ฉันไม่สามารถเข้าระบบ ฉันควรทำอย่างไร
หมายเหตุ: ถ้าคุณประสบปัญหาในการเข้าระบบ ซึ่งเกี่ยวข้องกับ Blogger รุ่นใหม่ โปรดอ่านบทความของเรา ที่นี่
โปรดเลือกปัญหาที่พบจากรายการด้านล่าง:
ลืมชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน
ไม่ได้รับอีเมลการเรียกคืนรหัสผ่าน
ลืมที่อยู่อีเมล
ไม่สามารถเข้าถึงที่อยู่อีเมลสำหรับการเรียกคืนข้อมูลการเข้าสู่ระบบ
เกิดข้อผิดพลาด "รหัสผ่านไม่ถูกต้อง" แม้ว่าจะใช้รหัสผ่านที่ถูกต้อง
ได้รับข้อความให้เข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่อง หรือข้อความ "เซสชันหมดอายุ"
ทางออกสุดท้าย
ลืมชื่อผู้ใช้ และ/หรือ รหัสผ่านใน Blogger รุ่นใหม่
ถ้าคุณลืมข้อมูลบัญชีผู้ใช้ Google ของคุณ คุณสามารถเรียกคืนข้อมูลการเข้าสู่ระบบของบัญชีผู้ใช้ Google ได้โดยคลิก '?' ถัดจาก "รหัสผ่าน" บนหน้าเข้าสู่ระบบของ Blogger หรือไปที่หน้านี้:
https://www.google.com/accounts/ForgotPasswd
ลืมชื่อผู้ใช้ และ/หรือ รหัสผ่านใน Blogger รุ่นเดิม
คุณสามารถเรียกคืนชื่อผู้ใช้หรือตั้งค่ารหัสผ่านใหม่ได้ที่นี่: http://www.blogger.com/forgot.g
ฟอร์มนี้จะส่งอีเมลไปยังที่อยู่อีเมลที่ลงทะเบียนไว้ในบัญชีของคุณ อีเมลนี้จะรวมลิงก์ไปยังหน้าที่จะแสดงชื่อผู้ใช้ของคุณ และอนุญาตให้คุณสร้างรหัสผ่านใหม่ ถ้าคุณมีชื่อผู้ใช้หลายชื่อ คุณจะพบรายการชื่อผู้ใช้ และคุณจะสามารถเลือกว่าต้องการตั้งค่ารหัสผ่านใหม่สำหรับชื่อผู้ใช้ใด
ไม่ได้รับอีเมลการเรียกคืนรหัสผ่าน
ตรวจสอบโฟลเดอร์อีเมลสแปม/ขยะ/อีเมลที่ส่งถึงผู้รับจำนวนมาก เผื่อว่าข้อความมีการจัดการผิดพลาด
ลองใช้ที่อยู่อีเมลหลายๆ ที่ ในกรณีที่คุณไม่ได้ใช้ที่อยู่อีเมลหลักสำหรับ Blogger
ลองเรียกคืนชื่อผู้ใช้ของคุณแทนที่จะเรียกคืนรหัสผ่าน คุณอาจจำรหัสผ่านผิดพลาด และส่งอีเมลเรียกคืนรหัสผ่านไปยังผู้ใช้รายอื่น (เราขอแนะนำให้ทดลองดำเนินการนี้ แม้ว่าคุณจะคิดว่าจำชื่อผู้ใช้ได้แน่นอนก็ตาม)
ลืมที่อยู่อีเมล
ถ้าคุณจำไม่ได้ว่าใช้ที่อยู่อีเมลใดเมื่อสร้างบัญชี ให้เริ่มต้นด้วยการจดรายชื่อที่อยู่อีเมลของคุณ (รวมถึงที่อยู่อีเมลเก่าที่คุณอาจใช้เมื่อสมัครเข้าใช้งาน) จากนั้นป้อนแต่ละที่อยู่ใน ฟอร์มการเรียกคืนชื่อผู้ใช้ ที่อยู่อีเมลส่วนใหญ่จะแสดงข้อผิดพลาด จนกว่าจะพบที่อยู่หนึ่งที่คุณใช้งานจริง ซึ่งคุณจะพบข้อความแจ้งว่ามีการส่งชื่อผู้ใช้ของคุณแล้ว
ไม่สามารถเข้าถึงที่อยู่อีเมลสำหรับการเรียกคืนข้อมูลการเข้าสู่ระบบ
ถ้าคุณลงชื่อเข้าใช้ด้วยที่อยู่อีเมลเก่าที่คุณไม่สามารถเข้าใช้แล้ว หรือถ้าคุณพิมพ์ที่อยู่อีเมลผิดเมื่อลงทะเบียน คุณจะไม่สามารถใช้ฟังก์ชันการเรียกคืนการเข้าสู่ระบบได้ ในกรณีนี้ คุณจะต้อง ติดต่อเรา เพื่อขอความช่วยเหลือ และเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการให้บริการ โปรดระบุข้อมูลต่อไปนี้:
ที่อยู่อีเมลเดิมที่คุณใช้ลงทะเบียน พร้อมด้วยที่อยู่อีเมลปัจจุบัน
ชื่อผู้ใช้ของคุณ ถ้าทราบ
ชื่อและนามสกุลที่คุณใช้ลงทะเบียนในบัญชีของคุณ
URL บล็อกของคุณ
เกิดข้อผิดพลาด "รหัสผ่านไม่ถูกต้อง" แม้ว่าจะใช้รหัสผ่านที่ถูกต้อง
ถ้าคุณมั่นใจว่าใช้รหัสผ่านที่ถูกต้อง แต่ยังพบข้อผิดพลาดเกี่ยวกับรหัสผ่าน เป็นไปได้มากว่าปัญหานั้นเกิดจากชื่อผู้ใช้ของคุณ กรณีนี้อาจชวนให้สับสนอยู่บ้าง แต่ถ้าคุณใช้ชื่อผู้ใช้ของคนอื่น รหัสผ่านของคุณเองจะไม่ตรงกับชื่อผู้ใช้นี้ และ Blogger จะแสดงข้อผิดพลาด เนื่องจากคิดว่าคุณคือบุคคลที่เป็นเจ้าของชื่อผู้ใช้นั้น ซึ่งพยายามเข้าสู่ระบบ สิ่งที่ควรทำในกรณีนี้ก็คือ เรียกคืนชื่อผู้ใช้ของคุณ
ได้รับข้อความให้เข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่อง หรือข้อความ "เซสชันหมดอายุ"
ถ้าคุณกลับสู่หน้าจอเข้าสู่ระบบซ้ำๆ โดยไม่มีข้อความแจ้งเกี่ยวกับชื่อผู้ใช้หรือรหัสผ่านผิดพลาด แสดงว่าปัญหาเกิดจากเบราว์เซอร์ของคุณไม่ได้เก็บข้อมูลการเข้าสู่ระบบไว้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้คุณยังอาจพบข้อความ "เซสชันหมดอายุ" (Session Expired) ในกรณีนี้ ในการแก้ไขปัญหานี้ คุณต้องแก้ไขปัญหาของเบราว์เซอร์ โดยทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:
ล้างข้อมูลแคช
ลบคุกกี้ Blogger ของคุณ
ตรวจสอบ การตั้งค่าคุกกี้
ตรวจสอบการตั้งค่าจาวาสคริปต์
ออกจากเบราว์เซอร์และเริ่มต้นใหม่
ใช้เบราว์เซอร์อื่น
ใช้เว็บอย่างสนุก—ใครๆ ก็ใช้กัน
โปรดทราบว่าถ้าคุณมีไฟร์วอลล์ คุณควรตรวจสอบการตั้งค่าคุกกี้ของไฟร์วอลล์ด้วย ถ้าต้องการตรวจสอบให้แน่ใจว่าสามารถใช้คุกกี้ของ Blogger โปรดตรวจสอบคู่มือหรือเอกสารสำหรับไฟร์วอลล์เพื่อดูข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้
ทางออกสุดท้าย
เริ่มต้นคอมพิวเตอร์ของคุณใหม่
ลองใช้คอมพิวเตอร์เครื่องอื่น
ลองใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอื่น
หายใจลึกๆ โลกยังไม่หยุดหมุน เขียนถึงเรา เพื่อขอความช่วยเหลือ โปรดอย่าลืมบอกข้อมูลกับเราให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เกี่ยวกับบัญชีของคุณ และปัญหาที่คุณพบ

การหาแผนที่

เข้าไปที่http://www.google.co.th/แล้วคลิกGoogle.com in English









คลิกที่ Maps











พิมพ์สถานที่ที่ต้องการค้นหาลงไป คลิกที่ search Maps











แล้วจะเจอแผนที่ตามต้องการ ถ้าอยากให้ภาพมีขนานใหญ่ขึ้นให้คลิกที่เครื่องหมายบวกข้างแผนที่

แต่งภาพด้วย http://www.photofunia.com/

เริ่มจากเข้าไปที่ http://www.photofunia.com/











คลิกที่รูปภาพที่ต้องการ












คลิก Browse... นำรูปจากแฟ้มที่ต้องการมาวาง คลิก Open












จากนั้นก็จะได้ภาพที่เราต้องการอย่างสวยงาม








สูตรลดความอ้วน สูตรที่ 1

สูตรนี้ถ้าปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และไม่โกงตัวเอง รับรองว่าจะลดน้ำหนักได้สัปดาห์ละ 5 กิโลกรัมโดย 3 วันแรกลดได้ถึง 3 กิโลกรัม ข้อห้าม งดเหล้า ไวน์ น้ำหวาน น้ำอัดลมทุกชนิด ชา กาแฟ ได้นิดหน่อย แต่ห้ามใส่น้ำตาลห้ามรับประทานถั่ว ,ข้าวโพด ทุกชนิด
เริ่มวันแรก รับประทานผลไม้ทุกมื้อ โดยเฉพาะ แตงทุกชนิด เพราะมีแคลอรีต่ำ (ยกเว้นแตงกวา) ไม่มีแป้ง น้ำตาล (ส่วนอย่างอื่นงดหมด)
วันที่สอง จะเป็นผักทุกชนิด เช่น สลัดผัก มันฝรั่งนึ่งหรือเผา 1 หัว ใส่เนยก้อนเล็กๆเกลือ พริกไทย ซอสมะเขือเทศเพิ่มรสชาติ หรือจะดัดแปลงเป็นอาหารไทย เช่น เห็ดผัดกับน้ำพริกแกง,น้ำพริกเผา ช่วยให้ไม่เบื่ออาหาร (ที่สำคัญอย่างอื่นต้องงดเช่นเดียวกัน)
วันที่สาม ผักและผลไม้ ผสมกันรับประทานได้ทั้ง
วันวันที่สี่ กล้วยหอม 3 ใบ แบ่งรับประทานมื้อละ 1 ใบ ตามด้วยนมพร่องไขมัน มื้อละ 1 แก้ว
วันที่ห้า สามารถทานเนื้อสัตว์ได้ 10-20 กรัม (ประมาณชิ้นหรือสองชิ้นเล็กๆนั่นแหละ) ทานกับมะเขือเทศ 6 ลูก โดยน้ำไปอบ หรือย่าง แล้วลอกเปลือกออก แบ่งรับประทานเป็น 2-3 มื้อก็จะดี
วันที่หก รับประทานได้ทั้งเนื้อปลา ไก่ เนื้อ ทั้ง 3 มื้อ แค่พออิ่ม โดยรับประทานกับสลัดผัก
วันที่เจ็ด วันสุดท้ายแล้ว ให้เป็นข้าวซ้อมมือ กับผัก (ไม่มีเนื้อสัตว์) แนะนำให้นำข้าวไปคลุก น้ำปลา หรือผัดกับน้ำพริกเผา ผัดร้อนๆ โดยใส่ผักลงไปด้วยก็ได้ โดยไม่มีเนื้อสัตว์
เมื่อครบ 7 วัน ก็หมุน เมนูไปรับประทานเหมือนวันแรก ทำเช่นนี้เป็นประจำทุกสัปดาห์ หรือจะเสริมด้วยซุปที่รับประทานได้ทุกวัน (ยกเว้นวันแรก)ซุปสูตรลดความอ้วนประกอบด้วย เซลอรี 1 ต้น กะหล่ำปลี หอมหัวใหญ่ 6 หัวพริกยักษ์ 1 เม็ด มะเขือเทศ 4 ลูก หั่นใส่รวมกัน ใส่น้ำพอท่วมผัก เติมพริกไทย เกลือ ซอสพริก เพื่อเพิ่มรสชาติ ต้มจนเปื่อย



สูตรลดความอ้วน สูตรที่ 2
สูตรนี้เอามาจากโต๊ะจตุจักร
วันที่ 1เช้า กาแฟ หรือ ชา ไม่ใส่น้ำตาลและครีมเทียม 1 ถ้วยขนมปังปิ้ง 1 แผ่น (โฮลวีทได้ก็จะดีมาก)ถั่ว baked bean 120 กรัม (ถั่วในซอสมะเขือเทศ)ส้ม 1 ลูกกลางวัน กาแฟ หรือชา 1 ถ้วยขนมปังปิ้ง 1 แผ่นปลาทูน่า 120 กรัมเย็น ถั่วฝักยาวต้ม 120 กรัมบีทรูท หรือ แครอท ต้ม 120 กรัมแฮมไก่ 2 แผ่น (หมูไม่ได้)ไอศกรีม วานิลา 1 ถ้วยเล็ก
วันที่ 2เช้า กาแฟหรือ ชา 1 ถ้วยขนมปังปิ้ง 1 แผ่นไข่ต้ม 1 ฟองกล้วยหอม 1/2 ผลกลางวัน แครกเกอร์แบบเค็ม 5 แผ่นชีส low fat 1 แผ่น (อาจเปลี่ยนเป็น โยเกิร์ตรสธรรมชาต)เย็น บล๊อคโครี่ กับแครอท ต้ม อย่างละ 120 กรัมแฮมไก่ 2 แผ่นกล้วยหอม 1/2 ผลไอศกรีม วานิลา 1 ถ้วยเล็ก
วันที่ 3เช้า กาแฟหรือ ชา 1 ถ้วยแครกเกอร์ เค็ม 5 แผ่นชีส low fat 1 แผ่นแอ๊ปเปิ้ล 1 ผลกลางวัน กาแฟหรือชา 1 ถ้วยขนมปังปิ้ง 1 แผ่นไข่ต้ม 1 ลูกเย็น ดอกกะหล่ำต้ม กับ แครอท อย่างละ 120 กรัมทูน่า 120 กรัมแตงไทย หรือ แคนตาลูป 1 ชิ้นไอศกรีมวานิลา 1 ถ้วยเล็ก
จบแล้ว สำหรับสูตร 3 วัน เห็นเพื่อนๆ ลดได้คนละ 2-3 กก. ขอให้โชคดีนะจ๊ะ อย่าลืมออกกำลังกาย



สูตรลดความอ้วน สูตรที่ 3

สูตรลดความอ้วน 9 กิโลกรัม ภายใน 2 อาทิตย์
วันที่ 1เช้า...ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้าตาลกลางวัน... ไข่ต้มสองลูก+ผักต้มเย็น...สเต็กกับสลัดผักน้ำใส และผลไม้
วันที่ 2เช้า...ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้าตาล+ขนมปังโฮลวีตปิ้ง 1 แผ่นกลางวัน... สเต็กหรือเนื้อหมู เนื้อวัวย่างก็ได้+สลัดผักเขียวและผลไม้เย็น...แฮมแผ่นต้มปริมาณเท่าไรก็ได้ตามใจ
วันที่ 3เช้า...ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้าตาล+ขนมปังโฮลวีตปิ้ง 2 แผ่นกลางวัน...ไข่ต้ม 2ฟอง+สลัด+แครอทเย็น...แฮมแผ่นต้มปริมาณเท่าไรก็ได้ตามใจ
วันที่ 4เช้า...ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้าตาล+ขนมปังโฮลวีตปิ้ง 1 แผ่นกลางวัน..ไข่ต้ม 1 ฟองกับแครอทต้มเย็น...ผลไม้และโยเกริ์ตรสธรรมชาติ
วันที่ 5เช้า...ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้าตาลกลางวัน...ปลาเผาหรือปลาย่างกับผักต้มเย็น...เต็กหรือเนื้อย่างไม่ติดมัน+สลัดผักสดน้ำใส
วันที่ 6เช้า...ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้าตาลกลางวัน...ไก่ย่างไม่ติดหนังเย็น..ไข่ต้มสองฟองและแครอทต้ม
วันที่ 7เช้า...กาแฟหรือชาบีบมะนาว ไม่ใส่น้ำตาลกลางวัน...ผลไม้อะไรก้ได้ในปริมาณที่ต้องการเย็น..อะไรก็ได้ทุกอย่างที่อยากทานไม่จำกัดปริมาณ
สูตรนี้มาจากหนังสือ looking goodของคุณภัทรียา ณ นคร ผู้เขียนบอกว่า
เมื่อทานครบทั้ง 7 วันก็ให้เริ่มวันที่ 8 โดยย้อนกลับไปใหม่ ถ้าทำได้ตามสูตรเป๊ะ โดยไม่ดื่มน้ำอัดลม+แอลกอฮอลล์ จะลดความอ้วนได้ 9 กก.ใน 2 อาทิตย์ โดยไม่เกิดปฏิกิริยาโยโย่ ซึ่งพอหยุดแล้วอ้วนขึ้นมากกว่าเก่า


สูตรลดความอ้วน สูตรที่ 4
วันที่ 1มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล ส้มโอ 1/2 ผล ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น ถั่วเหลืองในซอสมะเขือเทศมื้อกลางวัน : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล ปลาทูน่า 4 ออนซ์ ขนมปังปิ้ง 1 แผ่นมื้อเย็น : แฮม 2 แผ่น ถั่วฝักยาวต้ม 4 ออนซ์ (ประมาณ 115 กรัม) ไอศกรีมวนิลา 4 ออนซ์ บีทรูทต้ม 4 ออนซ์
วันที่ 2มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น ไข่ต้ม 1 ฟอง กล้วยหอม 1/2 ผลมื้อกลางวัน : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล แคร๊กเกอร์ (แบบเค็ม) 5 แผ่น Coltage Cheese (คล้ายโยเกิร์ต) ของโฟร์โมสต์ 120 กรัมมื้อเย็น : แฮม 2 แผ่น บร็อคคอลรี่ต้ม 4 ออนซ์ แครอทต้ม 4 ออนซ์ ไอศกรีมวนิลา 4 ออนซ์ กล้วยหอม 1/2 ผล
วันที่ 3มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล แคร๊กเกอร์ (แบบเค็ม) 5 แผ่น Cheddar Cheese 1 แผ่น แอ๊ปเปิ้ล 1 ผลมื้อกลางวัน : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น ไข่ต้ม 1 ฟองมื้อเย็น : ปลาทูน่า 4 ออนซ์ บีทรูทต้ม 4 ออนซ์ ไอศกรีมวนิลา 4 ออนซ์ ดอกกระหล่ำต้ม 4 ออนซ์ แคนตาลูป 1/2 ผล
หมายเหตุ
2. แคร๊กเกอร์ต้องเป็นรสเค็ม
3. ปลาทูน่าและถั่วฝักยาวอาจแช่แข็งได้
• ขนมปัง ให้ปิ้งจนแห้ง ไม่ทาอะไรเลย• เนื้อ – ต้องไม่ติดมัน นึ่งหรือย่างเท่านั้น
• ผัก – จะต้มจิ้มน้ำจิ้ม หรือยำก็ได้ เช่น แครอท ดอกผักกาด
• ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ หรือ ดื่มน้ำส้ม
• โยเกิร์ต ทานครั้งละถ้วยเล็ก ๆ ต่อวัน
• ผลไม้ เช่น ส้ม สับปะรด แคนตาลูป แอปเปิ้ล กล้วย
• เครื่องดื่มต้องไม่ใส่น้ำตาล(4 ออนซ์ = 100 กรัม = 1 ขีด)ได้มาจาก

http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L3783002/L3783002.html โดย คุณโคอาล่าน้อย





สูตรลดความอ้วน สูตรที่ 5วัน

ที่ 1เช้า ชา กาแฟ น้ำส้ม ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น ไข่ต้ม 1 ฟอง ผักต้ม ผลไม้ น้ำเปล่ากลางวัน ชา กาแฟ น้ำส้ม ปลานึ่ง ผักต้ม ขนมปังปิ้ง น้ำเปล่าเย็น ผักต้มต่าง ๆ เนื้อย่างหรือนึ่ง น้ำส้ม น้ำเปล่า
วันที่ 2เช้า น้ำส้ม นมสด ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น ไข่ต้ม 1 ฟอง ผลไม้ น้ำเปล่าเยอะ ๆกลางวัน น้ำส้ม ขนมปังกรอบ ผักสดจิ้มน้ำจิ้ม ผลไม้ ยำผักต่าง ๆเย็น น้ำส้ม เนื้อปลานึ่ง ผลไม้ นมสด
วันที่ 3เช้า น้ำส้ม นมสดแก้วเล็ก ขนมปังปิ้ง ผลไม้ โยเกริ์ตกลางวัน น้ำส้ม ขนมปัง ไข่ต้ม ผักต้มหรือยำผัก ส้มตำ ปลา/เนื้อนึ่ง
ผักต้มเย็นน้ำส้ม น้ำเปล่า ผลไม้ นมสดได้มาจาก http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L3783002/L3783002.html%20โดย%20คุณโคอาล่าน้อย


สูตรลดความอ้วน สูตรที่ 6
สูตรพระเทพ
วันที่ 1เช้า - น้ำผลไม้คั้น หรือ โยเกิร์ต 1 ถ้วยกลางวัน - ไข่ต้ม 2 ฟองเย็น - สลัดผัก
วันที่ 2เช้า - น้ำผลไม้คั้น หรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วยกลางวัน - ไข่ต้ม 2 ฟองเย็น - โยเกิร์ต 1 ถ้วย
วันที่ 3เช้า - กาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย หรือ โยเกิร์ต 1 ถ้วยกลางวัน - เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม (เนื้อ, หมู)เย็น - สับปะรด 1 ชิ้น
วันที่ 4เช้า - น้ำผลไม้คั้น หรือ กาแฟและขนมปัง 1 แผ่นกลางวัน - สลัดผักและไก่ย่าง 1 ชิ้นเย็น - โยเกิร์ต 1 ถ้วย
วันที่ 5เช้า - น้ำผลไม้คั้น หรือ กาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วยกลางวัน - ส้มตำและไก่ย่าง 1 ชิ้นเย็น - สลัดผัก
วันที่ 6เช้า - น้ำผลไม้คั้น หรือ กาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วยกลางวัน - ปลานึ่ง หรือ ปลาเผาไม่จำกัดเย็น - นมสด 1 แก้ว
วันที่ 7เช้า - ข้าว 1 ทัพพี และเนื้อ 1 ชิ้น หรือไข่ต้ม 1 ฟองกลางวัน - เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม (เนื้อ, หมู)เย็น - สับปะรด 1 ชิ้น

วิธีประหยัดไฟ

วิธีประหยัดไฟจากการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรยนต์ ในชีวิตประจำวัน

-ใช้แอร์ระบบตั้งเวลาให้ปิดก่อนเวลาตื่น 1 ชั่วโมง
-ปิดแอร์ที่ทำงาน ½ - 1 ชั่วโมงก่อนเวลาเลิกงาน หากมีการทำ OT ใช้พัดลมไอน้ำแทนได้
-นั่งทำงานในที่มีแสงสว่างเพียงพอ ลดการใช้ไฟโคมบนโต๊ะทำงานได้
-เปิดไฟแสงสว่างในที่ทำงานเฉพาะจุดที่จำเป็น คนที่ไม่มาทำงานหรือกลับบ้านแล้ว ต้องปิดไฟบริเวณนั้นให้หมด
-ปิดไฟดวงที่ไม่ใช้ เปิดเฉพาะที่จำเป็น ทางที่ดีรวบรวมคนทั้งบ้านมานั่งล้อมวงทานข้าว เล่าเรื่อง สังสรรค์พร้อมหน้าพร้อมตากันยามค่ำทุกวัน จะได้ใช้ไฟดวงเดียว
-เดินทางไปไหนคนเดียว ไม่จำเป็นอย่าขับรถ ใช้รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน และรถโดยสารแทน
-สมานฉันท์กับเพื่อนบ้านที่ทำงาน โรงเรียนลูก ใกล้กันหรือทางเดียวกัน นั่งรถไปทำงาน หรือส่งลูกคันเดียวกัน อาจจะขับให้กันฟรีๆหรือเหมาคิดค่าน้ำมันรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน
-หากมีทุนสักหน่อย ให้ปูแผ่นกันความร้อนบนฝ้าเพดานทั้งบ้าน กันความร้อนจากแสงแดดเข้าสู่ตัวบ้าน ลด--การใช้พลังงานจากการทำงานของเครื่องทำความเย็นในบ้านได้
-ใช้ระบบไหลเวียนของน้ำ พรมหลังคาให้เย็นตลอดเวลา
-ใช้ระบบไหลเวียนของอากาศ ปัดลมร้อนออกไปจากรัศมีตัวบ้าน อาจจะเพียงแค่เปิดหน้าต่างมุมที่รับลม หรือติดตั้งตัวหมุนบนหลังคา
-ปลูกบ้าน อาคาร ต้องดูทิศทางลม และแสงแดด อย่าหันหน้าบ้าน ไปทางทิศตะวันตกเพราะจะทำให้ร้อนไปถึงตอนกลางคืน
-ทาสีภายนอกอาคารให้สะท้อนแสง และภายในอย่าใช้สีทึบ
-หลีกเลี่ยงการใช้กำแพง หน้าต่าง กระจกบนตัวอาคาร หากใช้ก็ให้ติดฟิล์มกรองแสง เพื่อกันความร้อนเข้าตัวอาคาร และไม่สะท้อนแสงและความร้อนออกไปสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น
-[EGAT] ปิดพัดลมระบายอากาศในห้องแอร์ได้ หากในห้องไม่มีกลิ่นจากควันบุหรี่ อาหาร ควัน ฝุ่นไอ อันไม่พึงประสงค์ เพื่อลดปริมาณอากาศร้อนจากภายนอกเข้ามาเป็นเหตุให้เครื่องปรับอากาษต้องทำงานหนักขึ้น
-[EGAT] ตั้งให้คอมพิวเตอร์ปิดหน้าจอโดยอัตโนมัติ เมื่อไม่ใช้งานสักระยะหนึ่ง ทั้งประหยัดไฟและลดการทำงานของระบบทำความเย็น
-[EGAT] เปิดแอร์ที่อุณหภูมิ 28-30 C แล้วเปิดพัดลมควบคู่เพื่อเพิ่มความเร็วลม จะเย็นเหมือนเปิดที่ 25-26 C เพราะความเย็นเกิดจากความสัมพันธ์ของ อุณหภูมิ ความชื้นสัมพัทธ์ และความเร็วของลม
-[EGAT] จัดห้องให้ตู้ ชั้นวางของอยู่ติดกำแพงด้านตะวันออกและตะวันตกที่ต้องรับไอแดด ช่วยดูดซับความร้อนและลดการแผ่รังสีความร้อนของกำแพง
-[EGAT] ปิดแอร์เมื่อไม่ใช้งาน และอย่าเปิดช่องให้ความเย็นออก ใช้วิธีเปิดพัดลมช่วย เพื่อประหยัดพลังงานตอนเปิดแอร์ใช้อีกครั้ง
-[EGAT] เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ตู้เย็น หม้อต้มน้ำ ต้มกาแฟ เคนื่องถ่ายเอกสาร เป็นต้น จะปล่อยความร้อนออกมา จึงไม่ควรไว้ในห้องแอร์
-[EGAT] งดสูบบุหรี่ สร้างมลพิษในอากาศในห้องที่ปิดทึบ ห้องแอร์ เพราะจะทำให้ต้องมีการเปิดพัดลมเพื่อระบายออก มีผลให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักขึ้นเพราะอากาศร้อนภายนอกเข้ามา และฝุ่นละอองไปจับที่คอลย์น้อย ทำให้ต้องมีการบำรุงรักษาบ่อยขึ้น
-[EGAT] ปิดช่องโหว่ รูรั่วตามกำแพง ปิดม่านบังแสง เพื่อมิให้ความร้อนจากภายนอกเล็ดลอดเข้ามา และม่านยังช่วยสะท้อนความร้อนออกไป
-[EGAT] ใช้โคมไฟแสงสว่างในที่ทำงาน แบบที่มีแผ่นสะท้อนแสงช่วยลดจำนวนหลอดไฟ
-[EGAT] ใช้หลอดผอม หรือ หลอดคอมแพค ประหยัดไฟ หมั่นทำความสะอาด อย่าให้ในจับจนแสงพร่ามัว -[EGAT] ใช้ตู้เย็นประตูบานเดียว ที่มีช่องแช่แข็งอยู่ด้านบน ประหยัดไฟกว่า ตั้งอุณหภูมิที่ 3-6 C ชองแช่แข็งตั้งที่ ลบ15-18 C ประหยัดที่สุด
-[EGAT] หมั่นทำความสะอาดแผงระบายความร้อนหลังตู้เย็น ดูแลยางขอบประตูให้ปิดสนิทอยู่เสมอ อย่าเปิดปิดบ่อย อบ่านำของร้อนเข้าตู้เย็น
-[EGAT] ตรวจสอบว่ามีไฟรั่วไปทางสายดินหรือไม่ โดยปิดสวิทช์ไฟทุกอย่าง แล้วดูมิเตอร์ว่ายังเดินอยู่หรือไม่ สำหรับตู้เย็นให้เปิดไว้ขณะปิดอย่างอื่นหมด แล้วปรับสวิทชฺควบคุมอุณหภูมิลงจนต่ำสุดให้อมเพรสเซอร์หยุดทำงานก่อน ไปสังเกตุมิเตอร์ไฟฟ้า
-[EGAT] เลือกใช้เครื่องปรับอากศที่มีขนาดพอเหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ และติดตั้งในตำแหน่งที่ไม่ถูกแสงแดด ความร้อนโดยตรง และระบายอากาศได้ดี

13-14 ตร.ม. ใช้ 8000 BTU
16-17 ตร.ม. ใช้ 10000 -BTU
20 ตร.ม. ใช้ 12000 BTU
23-24 ตร.ม. ใช้ 14000 BTU
30 ตร.ม. ใช้ 18000 BTU
40 ตร.ม. ใช้ 24000 BTU
-ท้ายสุดแต่ใช่ว่าจะสุดท้ายค่ะยิ่งใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรยนต์น้อยเท่าไหร่ ยิ่งประหยัดพลังงาน เชื้อเพลิงได้มาก ฉะนั้น จึงควรจัดสภาพแวดล้อมที่พักอาศัย ที่ทำงาน วิถีการดำรงชีวิตให้เหมาะสม การอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย มองผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นใหญ่ การหาและใช้พลังงานทดแทนที่ไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อธรรมชาติ และการดูแลสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ ให้ดี เพื่อช่วยกันทำให้โลกเราอยู่ได้นานขึ้น และลูกหลานเราก็จะมีที่อยู่อาศัยต่อไปค่ะ เรามาตั้งธงกันว่า ต่อไปนี้ จะทำอะไร ให้คำนึงถึงเรื่อง- ประหยัดพลังงาน- ไม่สร้างมลภาวะในอากศ น้ำ ผืนดิน- ขจัดและลดภาวะโลกร้อน

วิธีคลายร้อนแบบไทยๆ แบบทำได้เอง ง่ายแสนง่าย

วิธีคลายร้อนแบบไทยๆ แบบทำได้เอง ง่ายแสนง่าย
-เดิน นั่งเล่น ทานอาหาร ห้างสรรพสินค้า ได้แอร์โดยไม่ต้องเปิดแอร์เองที่บ้าน หาเก้าอี้สาธารณะแล้วนำอาหารไปทานเองจากบ้านก็ได้ ไม่เปลืองสตังค์ มาถึงยุคนี้แล้ว ไม่ต้องอายค่ะ ทำไปก่อนค่ะ เดี๋ยวมีคนทำตามเพียบ!
-เข้าโรงหนัง ระหว่างนั่งรอหนังเข้า ก็เอามือถือมาเปิด oknation wap เล่นบล็อกซะ
-เข้าไปนั่งอ่านหนังสือ ทำงานที่ห้องสมุดที่เปิดแอร์อยู่แล้ว
-ไปนั่งพักผ่อนใต้ต้นไม้ ตามสวนสาธารณะ สถานที่คุ้นเคย มีคนรู้จักแถบนอกเมือง
-หยุดวันสองวันก็ปิดบ้านหนีร้อนไปเที่ยวน้ำตก หรือทะเลบ้าง
-อาบน้ำบ่อยๆ นอนแช่น้ำให้คลายร้อน (โดยไม่ต้องใช้เครื่องทำน้ำอุ่น)
-ทาแป้งเย็น หรือประดินสอพอง ให้ตัวลายพร้อย เปิดหน้าต่างรับลม
-เอาผ้าขนหนูผืนเล็กๆชุบน้ำแช่ในช่องแข็ง หรือแช่เย็นไว้หลายๆผืน ควรหาอะไรใส่หุ้มไว้ทุกผืน ป้องกันไม่ให้ติดกัน หรือเปรอะเปื้อน เอาออกมาเช็ดหน้า เช็ดตัว พาดไว้ที่คอ คลายร้อนได้ดี
-ซื้อถาดทำน้ำแข็งไว้เยอะๆ ทำน้ำแข็งใส่ที่เก็บน้ำแข็งไว้ให้มีใช้ตลอดเวลา
-ทำน้ำเย็นใส่กระติกไว้ทาน (เหยาะน้ำยาอุทัย สักนิดให้ชื่นใจก็ได้) ใส่กระติกใบเล็กสำหรับพกออกไปนอกบ้าน ไม่ต้องไปซื้อน้ำเย็น น้ำแข็งใสที่ไหน
-ทำไอศครีมหรือหวานเย็นทานเอง จะใช้น้ำผลไม้คั้นสดๆ (คั้นด้วยมือ) ผสมน้ำผึ้ง น้ำเชื่อม เกลือนิดหน่อย หรือ ใช้น้ำแข็งทุบละเอียดใส่น้ำหวาน
-พื้นบ้านหลังจาก ถูด้วยผ้าเปียกใหม่ๆจะรู้สึกเย็นสบาย วันนี้คุณถูบ้านหรือยัง?
เอาผ้าชุบน้ำ หรือถุงผ้าชุบน้ำใส่น้ำแข็ง แขวนไว้หน้าพัดลม ก็เย็นเหมือนเปิดแอร์ (ถ้าขี้เกียจเดินเอาผ้าไปชุบน้ำบ่อยๆ ให้ใช้ผ้ายาวหน่อย จับปลายด้านล่างแช่น้ำ หรือน้ำแช่น้ำแข็งในถังวางไว้หน้าพัดลมเลยค่ะ)
ทำราวแขวนผ้าในบ้าน ย้ายผ้าสะอาดๆที่หมาดแล้วมาตากในบ้าน ให้พัดลมพัดเฉี่ยวๆเอาลมเย็นมาปะทะตัวเรา
-ใส่เสื้อผ้าที่ทำจากใยธรรมชาติ งดผ้าที่ทำจากใยสังเคราะห์
-ประพรมน้ำอบน้ำหอม เครื่องหอมไทย กลิ่นหอมของสมุนไพรไทย มีส่วนช่วยกระตุ้นระบบประสาท เมื่อได้กลิ่นจะทำให้มีความรู้สึกผ่อนคลาย อารมณ์ดี ทำให้มีความสดชื่น
-ไปนั่งบ้านเพื่อน ที่เขาจำเป็นต้องเปิดแอร์อยู่แล้ว ....อย่างนี้เรียก แอร์แชริ่ง ค่ะ หากไม่จำเป็นไปใช้พัดลมไอน้ำด้วยกันก็ดีค่ะ

เต้นแอโรบิก

เต้นแอโรบิก ได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด




การเต้นแอโรบิกนอกจากจะช่วยเผาผลาญไขมัน ลดน้ำหนัก กระชับสัดส่วนแล้ว คุณรู้ไหมว่า มันยังช่วยอะไรกับเราอีก.. นอกจากผอมแล้ว ยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกด้วยนะจ๊ะก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่าการเต้นแอโรบิกเนี่ย มันคืออะไร.. มันก็คือการขยับร่างกาย ให้กล้ามเนื้อมีการทำงานต่อเนื่องทุกสัดส่วน เมื่อกล้ามเนื้อมีการทำงานตลอด มันก็จะเป็นการสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ไม่หย่อนคลอยตามแรงโน้มถ่วงของโลกก่อนวัยอันควร แต่สิ่งที่ได้เพิ่มเติมมาก็คือ
1. ทำให้ระบบไหลเวียนของเลือดดีขึ้น - เวลาเราออกกำลังกาย โดยเฉพาะแอโรบิกนั้น จะเป็นการออกกำลังกายแบบเกือบจะทุกสัดส่วน เพราะว่ามันต้อง เคลื่อนไหวตลอด เมื่อเคลื่อนไหว ร่างกายจะสูบฉีดเลือด ทำให้หัวใจทำงาน (บริหารหัวใจกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรงไปด้วย : แต่ไม่เกี่ยวกับบริหารรักนะจ๊ะ 555555) - ช่วยเพิ่มเส้นเลือดฝอยมาเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจมากขึ้น ทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดดีขึ้น - ลดอัตรการเต้นของหัวใจ เมื่ออยู่ในภาวะการออกกำลังกาย เมื่อกล้ามเนื้อเราแข็งแรง เราจะออกกำลังกายได้ดี ไม่ค่อยเหนื่อย ลองนึกถึงแรกๆ เราไปเต้นแอโรบิกดูดิ.. เหนื่อยลิ้นห้อยเลย เต้นตามไม่ทันอีกต่างหาก พอเต้นไปสัก 1 อาทิตย์ ร่างกายเริ่มเข้าที่ เริ่มเหนื่อยช้าลง - เมื่อกล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง ก็ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคความดันโลหิตสูง เพราะว่าหัวใจเราสูบฉีดแรงอยู่แล้ว เส้นเลือดต่างๆ ก็ไม่อุดตัน ความดันเลยปกติ
2. ระบบหายใจดีขึ้น- ปอดมีการรับออกซิเจนมากขึ้น หายใจได้ลึกขึ้น ปอดมีการขยายมากขึ้น - เมื่อปอดขยาย และรับออกซิเจนมากขึ้น ร่างกายก็รับออกซิเจนมากขึ้น ทำให้การไหลเวียนของอากาศในปอดทำงานได้ดีขึ้น - เมื่อมีออกซิเจนมากขึ้น การแลกเปลี่ยนก๊าซที่ปอด ก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยิ่งเราออกกำลังกาย ในสถานที่มี ออกซิเจนมากๆ เช่น ตามสวนสาธารณะ ที่มีออกซิเจนบริสุทธิมากๆ ปอดก็จะได้รับออกซิเจนที่มีคุณภาพมากขึ้นด้วย
3. ระบบเคมีในเลือกดีขึ้น- การออกกำลังกายเป็นการเผาผลาญไขมัน เมื่อไขมันในร่างกาย (ในเส้นเลือดคนเราก็มีนะค่ะ) ถูกใช้ไป เลือดของเราก็เดินทางได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ทำให้ปริมาณไขมันในเลือด (คอเลสเตอรอล) ลดลง และไตรกลีเซอไรด์ ลดลงเช่นกัน ทำให้ลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน แลโนคหลอดเลือดสมองอุดตัน - เพิ่ม HDL (คอเลสเตอรอล ตัวดี ที่ร่างกายต้องการมาก และจะเพิ่มได้ด้วยการออกกำลังกายเท่านั้น) ซึ่งเป็นตัวช่วยลดการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน - ลดน้ำตาลส่วนเกิน ป้องกันโรคเบาหวาน เพราะว่าเวลาเราออกกำลังกาย ร่างกายจะต้องใช้พลังงานมาก ร่างกายจะไปดึงเอาน้ำตาลมาแปลงเป็นพลังงาน ทำให้ระดับน้ำตาลส่วนเกินในเลือดต่ำลง ลดความเสี่ยงการเป็นโรคเบาหวานได้ค่ะ
4. ด้านระบบประสาทและจิตใจ- ลดความเครีดยได้ดีค่ะ เพราะว่าการออกกำลังกายนั้น คุณจะไม่ค่อยได้คิดเรื่องที่เครียด ใจจะจดจ่อกับการเต้น (แต่บางทีเต้นไม่ทัน ก็เครียดแหะ T__T ฮือๆๆๆ) - เวลาเหงื่อออกจนถึงระดับนึง ร่างกายจะหลั่งสาร Endorphin จากสมอง เป็นสารที่ทำให้ร่างกายรู้สึกสบายค่ะ รู้สึกปลอดโปร่ง (ต้องลองเองค่ะ บรรยายมะถูกอะ)
จะเห็นว่าการออกกำลังกายด้วย แอโรบิกเนี่ย มันดียังไงแล้วนะค่ะ (ที่สำคัญ ส่วนมากไปเต้นตามสวนสาธารณะ จะเต้นฟรีค่ะ) ก็อย่าลืมไปลองเต้นดูนะค่ะ

อาหารเพื่อสุขภาพ

สลัดน้ำใส
ข้าวโอ๊ตนมสด
กุ้งกระเทียมผัดพริกขี้หนู
ไก่อบหอมใหญ่
ผัดผักรวมมิตรกับงาขาว
ลูกชิ้นแครอท
ผัดหมีเต้าเจี้ยว
ปลากระพงนึ่งมะนาว
ยำใบบัวบก
เมี่ยงคำ
เต้าหู้ทอดตะไคร้ใบสะระแหน่
โจ๊กเห็ดหอม
ฟองเต้าหู้ห่อผัก
เปาะเปี๊ยะญวณ
ปลาต้มสมุนไพร
ปลานึ่งเต้าซี่
พาสต้าปลาแซลมอน
แกงขี้เหล็กปูทะเลไข่
มะระตุ๋นผักดอยดอง
ผัดหอมใหญ่หมูพริกสด
ข้าวต้มสมุนไพร
มิโซ่ซุป
เต้าหู้ราดหน้าเห็ด
สลัดผักสีทอง
อบหน่อไม้เห็ดหอม
ต้มจืดเห็ด
มะระขี้นกผัดไข
ข้าวไข่เจียวหัวหอม
แกงขนุน
แกงเหลือง
กุ้งตะไคร้
สลัดผลไม้
ข้าวยำปักษ์ใต้
แกงเลียงข้าวโพด
แกงฟักทองใส่ใบแมงลัก
ผัดกะเพราเห็ดฟาง
ผัดกระเจี๊ยบกุ้งสด
เต้าหู้ผัดถั่วงอกโยคี
แกงส้ม
ต้มยำกุ้ง
จับฉ่ายชีวจิต


วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

โรคเบาหวาน

ความรู้ทั่วไปเรื่องเบาหวาน


โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรัง และก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพ ก่อให้เกิดปัญหากับ ฟันและเหงือก ตา ไต หัวใจ หลอดเลือดแดง ท่านผู้อ่านสามารถป้องกันโรคแทรกซ้อนต่างๆได้โดยการปรับ อาหาร การออกกำลังกาย และยาให้เหมาะสม ท่านผู้อ่านสามารถนำข้อเสนอแนะจากบทความนี้ไปปรึกษากับแพทย์ที่รักษาท่านอยู่ ท่านต้องร่วมมือกับคณะแพทย์ที่ทำการรักษาเพื่อกำหนดเป้าหมายการรักษา บทความนี้เชื่อว่าจะช่วยท่านควบคุมเบาหวานได้ดีขึ้น
โรคเบาหวานคืออะไร
อาหารที่รับประทานเข้าไปส่วนใหญ่จะเปลี่ยนจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลกลูโคสในกระแสเลือดเพื่อใช้เป็นพลังงาน เซลล์ในตับอ่อนชื่อเบต้าเซลล์เป็นตัวสร้างอินซูลิน อินซูลินเป็นตัวนำน้ำตาลกลูโคสเข้าเซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน โรคเบาหวานเป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เกิดเนื่องจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน หรือประสิทธิภาพของอินซูลินลดลงเนื่องจากภาวะดื้อต่ออินซูลินทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอยู่เป็นเวลานานจะเกิดโรคแทรกซ้อนต่ออวัยวะต่างๆ เช่น ตา ไต และระบบประสาท
ฮอร์โมนอินซูลินมีความสำคัญต่อร่างกายอย่างไร
อินซูลินเป็นฮอร์โมนสำคัญตัวหนึ่งของร่างกาย สร้างและหลั่งจากเบต้าเซลล์ของตับอ่อน ทำหน้าที่เป็นตัวพาน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่เนื้อเยื่อต่างๆของร่างกาย เพื่อเผาผลาญเป็นพลังงานในการดำเนินชีวิต ถ้าขาดอินซูลินหรือการออกฤทธิ์ไม่ดี ร่างกายจะใช้น้ำตาลไม่ได้ จึงทำให้น้ำตาลในเลือดสูงมีอาการต่างๆของโรคเบาหวาน นอกจากมีความผิดปกติของการเผาผลาญอาหารคาร์โบไฮเดรตแล้ว ยังมีความผิดปกติอื่น เช่น มีการสลายของสารไขมันและโปรตีนร่วมด้วย
อาการของโรคเบาหวาน
คนปกติก่อนรับประทานอาหารเช้าจะมีระดับน้ำตาลในเลือด 70-110 มก.% หลังรับประทานอาหารแล้ว 2 ชม.ระดับน้ำตาลไม่เกิน 140 มก.% ผู้ที่ระดับน้ำตาลสูงไม่มากอาจจะไม่มีอาการอะไร การวินิจฉัยโรคเบาหวานจะทำได้โดยการเจาะเลือด อาการที่พบได้บ่อย
คนปกติมักจะไม่ต้องลุกขึ้นมาปัสสาวะในเวลากลางดึกหรือปัสสาวะอย่างมากไม่เกิน 1 ครั้ง เมื่อน้ำตาลในกระแสเลือดมากกว่า180มก.% โดยเฉพาะในเวลากลางคืนน้ำตาลจะถูกขับออกทางปัสสาวะทำให้น้ำถูกขับออกมากขึ้น จึงมีอาการปัสสาวะบ่อยและเกิดการสูญเสียน้ำ และอาจจะพบว่าปัสสาวะมีมดตอม
ผู้ป่วยจะหิวน้ำบ่อยเนื่องจากต้องทดแทนน้ำที่ถูกขับออกทางปัสสาวะ
อ่อนเพลีย น้ำหนักลดเกิดเนื่องจากร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลจึงย่อยสลายส่วนที่เป็นโปรตีนและไขมันออกมา
ผู้ป่วยจะกินเก่งหิวเก่งแต่น้ำหนักจะลดลงเนื่องจากร่างกายน้ำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานไม่ได้ จึงมีการสลายพลังงานจากไขมันและโปรตีนจากกล้ามเนื้อ
อาการอื่นๆที่อาจเกิดได้แก่ การติดเชื้อ แผลหายช้า คัน
คันตามผิวหนัง มีการติดเชื้อรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณช่องคลอดของผู้หญิง สาเหตุของอาการคันเนื่องจากผิวแห้งไป หรือมีการอักเสบของผิวหนัง
เห็นภาพไม่ชัด ตาพร่ามัวต้องเปลี่ยนแว่นบ่อย ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะมีการเปลี่ยนแปลงสายตา เช่นสายตาสั้น ต่อกระจก น้ำตาลในเลือดสูง
ชาไม่มีความรู้สึก เจ็บตามแขนขาหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เนื่องจากน้ำตาลสูงนานๆทำให้เส้นประสาทเสื่อม เกิดแผลที่เท้าได้ง่าย เพราะไม่รู้สึก
อาเจียน
น้ำตาลในกระแสเลือดสูงเมื่อเป็นโรคนี้ระยะหนึ่งจะเกิดโรคแทรกซ้อนที่เกิดกับหลอดเลือดเล็กเรียก microvacular หากมีโรคแทรกซ้อนนี้จะทำให้เกิดโรคไต เบาหวานเข้าตา หากเกิดหลอดเลือดเลือดแดงใหญ่แข็งเรียก macrovascular โดยจะทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ อัมพาต หลอดเลือดแดงที่ขาตีบนอกจากนั้นยังอาจจะเกิดปลายประสาทอักเสบ neuropathic ทำให้เกิดอาการชาขา กล้ามเนื้ออ่อนแรง ประสาทอัตโนมัติเสื่อม

ใครที่ควรจะต้องเจาเลือดหาโรคเบาหวาน

ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่สองพบมากและมักจะวินิจฉัยไม่ได้ในระยะแรก การที่มีภาวะน้ำตาลสูงเป็นเวลานานๆทำให้เกิดการเสื่อมของอวัยวะต่างๆเช่น ตา หัวใจ ไต เส้นประสาท เส้นเลือด นอกจากนี้ยังพบว่ามีโรคความดันโลหิตสูง ภาวะไขมันในโลหิตสูงร่วมด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งในการวินิจฉัยให้เร็วที่สุดเพื่อลดภาวะแทรกซ้อน การตรวจคัดกรองเบาหวานในผู้ใหญ่ที่ไม่มีอาการ ผู้ที่สมควรได้รับการเจาะเลือดตรวจตรวจหาเบาหวาน คือ
ประวัติครอบครัวพ่อแม่ พี่ หรือ น้อง เป็นเบาหวานควรจะตรวจเลือดแม้ว่าคุณจะไม่มีอาการ
อ้วน
ดัชนีมวลกายมากกว่า27% หรือน้ำหนักเกิน20%ของน้ำหนักที่ควรเป็นสำหรับประเทศในเอเซียเราพบว่าเมื่อดัชนีมวลกายมากกว่า 23 จะพบผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานมากดังนั้นแนะนำว่าควรจะเจาะเลือดตรวจเบาหวานเมื่อดัชนีมวลกายมากกว่า 25 อยากทราบว่าดัชนีมวลกายเท่าไรคลิกที่นี่
อายุมากกว่า45ปี
ผู้ที่ตรวจพบ IFG หรือ IGT
ความดันโลหิตสูงมากกว่า140/90 mmHg
ระดับไขมัน HDL น้อยกว่า35 มก%และหรือ TG มากกว่า250 มก.%
ผู้ที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย
ประวัติเบาหวานขณะตั้งครรภ์หรือน้ำหนักเด็กแรกคลอดมากกว่า4กิโลกรัม
บุคคลที่มีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวควรที่จะได้รับการตรวจหาระดับน้ำตาลในเลือดทุก3ปี หากคุณเป็นคนที่มีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวการป้องกันน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดโดยการออกกำลังกาย การควบคุมอาหาร การคุมน้ำหนัก สำหรับรายละเอียดอย่างอื่นให้ดูหัวข้อบนเมนูด้านขวา
การวินิจฉัยโรคเบาหวาน การคัดกรอง ชนิดของเบาหวาน หลักการรักษาและโรคแทรกซ้อน เป้าหมายในการควบคุมเบาหวาน การติดตามและการประเมิน
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ความดันโลหิตสูง
โรคหัวใจ
โรคหลอดเลือดสมอง
ไขมันในเลือดสูง
ร่างกายขาดน้ำ
โรคไตวาย
การออกกำลังกาย
อาหารสุขภาพ
ข่าวเกี่ยวกับเบาหวาน
รับประทาน cereal และแมกนีเซียมช่วยลดการเกิดโรคเบาหวาน
อ่านที่นี่

ประเพณีสงกรานต์



คำว่า "สงกรานต์" มาจากภาษาสันสฤกตว่า สํ-กรานต แปลว่า ก้าวขี้น ย่างขึ้น หรือก้าวขึ้น การย้ายที่ เคลื่อนที่ คือพระอาทิตย์ย่างขึ้น สู่ราศีใหม่ หมายถึงวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งตกอยู่ในวันที่ ๑๓,๑๔,๑๕ เมษายนทุกปี แต่วันสงกรานต์นั้นคือ วันที่ ๑๓ เมษายน เรียกว่า วันมหาสงกรานต์ วันที่ ๑๔ เป็นวันเนา วันที่ ๑๕ เป็นวันเถลิงศก กิจกรรมส่วนใหญ่ที่ทำในเทศกาลนี้ก็มี การทำความสะอาดบ้านเรือน ทำบุญทำทาน สรงน้ำพระ รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ และเล่นสาดน้ำกัน เป็นต้น อย่างไรก็ดี นอกจากกิจกรรมดังกล่าวแล้ว ประเพณีสงกรานต์ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง สำหรับเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับประเพณีสงกรานต์มีดังนี้
๑.ก่อนที่เราจะถือวันสงกรานต์เป็นปีใหม่แบบไทยนั้น สมัยโบราณ เราถือเอาวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือนอ้าย เป็นวันขึ้นปีใหม่ เพราะถือว่าฤดูหนาว เป็นการเริ่มต้นปี ซึ่งจะตกราวเดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคม ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามคติพราหมณ์ ซึ่งมีรากเหง้ามาจากการสังเกตธรรมชาติและฤดูการผลิต เป็น วันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ หรือประมาณเดือนเมษายน ครั้นในปีพ.ศ. ๒๔๓๒ สมัยรัชกาลที่ ๕ ได้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ ๑ เมษายน และต่อมาในปีพ.ศ. ๒๔๘๓ จอมพลป.พิบูลสงครามก็ได้ประกาศให้วันที่ ๑ มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่จนปัจจุบัน อันเป็นการนับแบบสากล อย่างไรก็ดี คนไทยในหลายภูมิภาคก็ยังยึดถือเอาวันสงกรานต์เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่ ซึ่งแต่เดิมแม้จะอยู่ในช่วงเดือนเมษายน ก็ไม่ได้ตรงกับวันที่ ๑๓ เมษายน ดังเช่นปัจจุบัน จนเมื่อพ.ศ.๒๔๔๔ เป็นต้นมา จึงได้กำหนดเป็นวันที่ ๑๓ เมษายน ตามปฏิทินเกรกอรี่ ๒.นอกจากประเทศไทยแล้ว ยังมีมอญ พม่า ลาว และชนชาติไทยเชื้อสายต่างๆอันเป็นชนส่วนน้อยในจีน อินเดีย ก็ถือว่าสงกรานต์เป็นเทศกาลฉลองวันขึ้นปีใหม่ของเขาด้วยเช่นกัน
๓.ภาคกลางเรียกวันที่ ๑๓ เมษายน ว่า “วันมหาสงกรานต์” ซึ่งวันนี้ทางการได้ประกาศให้เป็น “วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” วันที่ ๑๔ เมษายน เรียก “วันเนา” และรัฐบาลสมัยพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณได้ประกาศให้เป็น “วันครอบครัว” ส่วนวันที่ ๑๕ เมษายน เรียก “วันเถลิงศก” คือวันเริ่มจุลศักราชใหม่
๔.ทางล้านนาเรียกวันที่ ๑๓ เมษายนว่า “วันสังขารล่อง” ซึ่งบางท่านให้ความหมายว่า หมายถึงอายุสิ้นไปอีกปี วันที่ ๑๔ เมษายน เรียก“วันเน่า” เป็นวันห้ามพูดจาหยาบคาย เพราะเชื่อว่าจะทำให้ปากเน่าและไม่เจริญ ส่วนวันที่ ๑๕ เมษายนเรียก “วันพญาวัน” คือวันเปลี่ยนศกใหม่
๕.ภาคใต้ เรียกวันที่๑๓ เมษายนว่า “วันเจ้าเมืองเก่า”หรือ “วันส่งเจ้าเมืองเก่า” เพราะเชื่อว่าเทวดารักษาบ้านเมืองกลับไปชุมนุมกันบนสวรรค์ ส่วนวันที่ ๑๔ เมษายน เรียกว่า “วันว่าง” คือวันที่ปราศจากเทวดาที่รักษาเมือง ดังนั้น ชาวบ้านก็จะงดงานอาชีพต่างๆ แล้วไปทำบุญที่วัด ส่วนวันที่ ๑๕ เมษายน เรียกว่า “วันรับเจ้าเมืองใหม่” คือวันรับเทวดาองค์ใหม่ที่ได้รับมอบหมายให้มาดูแลเมืองแทนองค์เดิมที่ย้ายไปประจำเมืองอื่นแล้ว
๖.ตำนานสงกรานต์ ซึ่งเป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับสงกรานต์และนางสงกรานต์ที่เรารู้จักกันดีเป็นตำนานที่ รัชกาลที่ ๓ โปรดให้จารึกไว้ในแผ่นศิลา ๗ แผ่น ติดไว้ที่ศาลารอบพระมณฑปทิศเหนือ ในวัดพระเชตุพนฯหรือวัดโพธิ์
๗.นางสงกรานต์เป็นนางฟ้าบนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ซึ่งเป็นสวรรค์ชั้นต่ำสุด มีด้วยกัน ๗ องค์เป็นพี่น้องกัน และต่างก็เป็นบาทบริจาริกา แปลว่า นางบำเรอแทบเท้า หรือเรียกง่ายๆว่า เป็น “เมียน้อย”ของพระอินทร์ จอมเทวราช และเป็นธิดาของท้าวกบิลพรหมในตำนาน
๘.นางสงกรานต์ มีชื่อตามแต่ละวันในสัปดาห์คือ วันอาทิตย์ ชื่อ นางทุงษะ วันจันทร์ ชื่อ นางโคราคะ วันอังคาร ชื่อ นางรากษส วันพุธ ชื่อ นางมณฑา วันพฤหัสบดี ชื่อ นางกิริณี วันศุกร์ ชื่อ นางกิมิทา วันเสาร์ชื่อ นางมโหทร
๙.นางสงกรานต์แต่ละองค์จะมีพาหนะทรงต่างกัน ตามลำดับแต่ละวัน คือ นางทุงษะขี่ครุฑ นางโคราคะขี่เสือ นางรากษสขี่หมู นางมณฑาขี่ลา นางกิริณีขี่ช้าง นางกิมิทาขี่ควาย และนางมโหทรขี่นกยูง ซึ่งสัตว์ที่เป็นพาหนะทรงจะมิใช่ปีนักษัตรของปีนั้นๆ ตามที่หลายคนเข้าใจผิด
๑๐.คำว่า “ดำหัว”ปกติแปลว่า “สระผม” แต่ในประเพณีสงกรานต์ล้านนา จะหมายถึง การไปแสดงความเคารพ ขออโหสิกรรมที่อาจได้ล่วงเกินในเวลาที่ผ่านมา รวมทั้งการไปขอพรจากผู้ใหญ่ ซึ่งหมายถึงญาติผู้ใหญ่ ผู้อาวุโสในหมู่บ้าน ในเมืองหรือครูบาอาจารย์ ผู้บังคับบัญชา โดยส่วนมากจะใช้น้ำขมิ้นส้มป่อยไปไหว้ท่าน และท่านก็จะจุ่มแล้วเอาน้ำแปะบนศีรษะเป็นเสร็จพิธี
๑๑.ในสมัยก่อนเมื่อใกล้สงกรานต์หรือวันสงกรานต์ จะมีสัตว์ชนิดหนึ่งที่คนแต่ก่อนเรียกว่า “ตัวสงกรานต์” เป็นสิ่งมีชีวิตลักษณะคล้ายไส้เดือน แต่เล็กขนาดเส้นด้าย ยาวประมาณ ๒ นิ้ว มีสีเลื่อมพราย เป็นสีเขียว เหลือง แดง ม่วง เปลี่ยนสีไปได้เรื่อยๆ จะอยู่กันเป็นฝูงในแม่น้ำลำคลอง เมื่อกระดิกตัวว่ายน้ำจะทำให้เกิดประกายสีต่างๆสวยงามแปลกตา ถ้าจับพ้นน้ำ สีจะจางหายไป ตัวจะขาดเป็นท่อนเล็กๆและเหลวละลาย ปัจจุบันเข้าใจว่าน่าจะสูญพันธุ์ไปแล้ว
๑๓.มูลเหตุของการก่อเจดีย์ทราย มีเรื่องเล่าว่าพระเจ้าปเสนทิโกศลได้เสด็จไปยังเมืองสาวัตถีพร้อมบริวาร ได้เห็นหาดทรายขาวบริสุทธิ์ก็เกิดจิตศรัทธาก่อทรายเป็นเจดีย์ ๘ หมื่น ๔ พันองค์ แล้วอุทิศเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา และสังฆบูชา เมื่อพระองค์ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าก็ได้ทูลถามถึงอานิสงส์การก่อเจดีย์ทรายดังกล่าว พระพุทธเจ้าตรัสว่า การที่มีจิตเลื่อมใสศรัทธาก่อเจดีย์ทรายถึง ๘ หมื่น ๔ พันองค์หรือเพียงองค์เดียวก็ได้อานิสงส์มาก คือ จะไม่ตกนรกหลายร้อยชาติ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็จะเพียบพร้อมไปด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ มีบริวารและเกียรติยศชื่อเสียง หากตายก็จะได้ขึ้นสวรรค์ พรั่งพร้อมด้วยสมบัติและมีนางฟ้าเป็นบริวาร ด้วยอานิสงส์ดังกล่าวจึงทำให้คนโบราณนิยมก่อเจดีย์ทรายเป็นประเพณีมาจนทุกวันนี้...





ประวัติ ตำนานวันสงกรานต์
มีท่านเศรษฐีผู้หนึ่งไม่มีบุตรแต่ต้องการบุตรมาก ด้วยถูกนักเลงสุราที่บ้านใกล้กันนั้นกล่าวคำหยาบช้าต่อเศรษฐี ท่านเศรษฐีจึงกล่าวถามว่า "เหตุใดท่านจึง กล่าวดูถูกเราผู้มีสมบัติมาก" นักเลงสุราตอบกลับว่า "ถึงแม้ท่านเป็นผู้มีสมบัติมาก แต่ท่านก็ไม่มีบุตร เมื่อเสียชีวิตแล้ว สมบัติเหล่านี้ก็สูญเปล่า เรานั้นมีบุตร ย่อมประเสริฐกว่า" ท่านเศรษฐีจึงได้จัดพิธีบวงสรวงขอบุตรจากพระอาทิตย์ และพระจันทร์ รอนานสามปีก็มิได้เกิดบุตร เมื่ออาทิตย์ยกขึ้นสู่ราศีเมษ ท่านเศรษฐีจึงพาบริวารไปบวงสรวงขอบุตรจากพระไทร พระไทรมีความเมตตาสงสารเศรษฐีผู้นี้ จึงได้ขึ้นไปบนสวรรค์ทูลขอบุตรจากพระอินทร์ให้แก่เศรษฐี ผู้นั้น พระอินทร์จึงให้ธรรมบาลกุมารเทวบุตรลงมาเกิดเป็นบุตรของท่านเศรษฐี
เมื่อภรรยาของท่านเศรษฐีคลอดบุตร ท่านเศรษฐีได้ปลูกปราสาทเจ็ดชั้นให้อยู่ใต้ต้นไทรริมฝั่งแม่น้ำ และตั้งชื่อให้ว่าธรรมบาลกุมารธรรมบาลกุมารนี้เป็น เด็กที่มีปัญญาเฉลียวฉลาดอย่างมาก เรียนรู้ไตรเทพจบเมื่ออายุ ๗ ขวบอีกทั้งยังสามารถเรียนรู้ภาษานกได้อีก ความดังกล่าวได้ล่วงรู้ถึงท้าวกบิลพรหม ท่านจึงต้องการที่จะทดสอบปัญญาของธรรมบาลกุมาร ท้าวกบิลพรหมจึงได้เสด็จลงมายังโลกมนุษย์ ถามปัญหาธรรมบาลกุมาร ๓ ข้อคือ
ข้อที่ ๑ เช้าราศีสถิตอยู่แห่งใด
ข้อที่ ๒ เที่ยงราศีสถิตอยู่แห่งใด
ข้อที่ ๓ ค่ำราศีสถิตอยู่แห่งใด
และตกลงกันว่า ถ้าธรรมกุมารสามารถตอบปัญหา ๓ ข้อนี้ได้ ภายใน ๗ วัน จะตัดเศียรของตนบูชาธรรมบาลกุมาร แต่ถ้าธรรมบาลกุมารไม่สามารถตอบปัญหาได้ ธรรมบาลกุมารต้องตัดศีรษะของตนบูชาท้าวกบิลพรหมเช่นกัน
เวลาล่วงเลยไปถึง ๖ วัน ธรรมบาลกุมารก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ ด้วยความกลัวอาญาท้าวกบิลพรหม ธรรมบาลกุมาร จึงได้หนีไปแอบซ่อนอยู่ใต้ต้นตาลและบนต้นตาลนั้นมีนกอินทรี ๒ ตัว ผัวเมียทำรังอยู่นกอินทรีทั้งสองได้สนทนากันอยู่ในเรื่องการออกไปหากินในวันพรุ่งนี้ นางนกอินทรี : "พรุ่งนี้เราจะไปหากินที่ไหนกันดี "นกอินทรีตัวผู้ : "พรุ่งนี้เราไม่ต้องออกไปหากินไกลหรอก ด้วยพรุ่งนี้ธรรมบาลกุมารจะต้องตัดศีรษะบูชาท้าวกบิลพรหม เนื่องจากตอบปัญหาไม่ได้"นางนกอินทรี : "น่าสงสารกุมารน้อยยิ่งนัก ท้าวกบิลพรหมก็ช่างถามปัญหาที่มนุษย์เกินจะตอบได้"นกอินทรีรู้สึกหมั่นไส้นางนกอินทรีจึงได้บอกถึงคำตอบที่ท้าวกบิลพรหมถามธรรมบาลกุมารให้นางนกอินทรีได้รู้นกอินทรีตัวผู้ : "ราศีแห่งมนุษย์นั้นจะสถิตอยู่ที่ร่างกายต่างวาระกัน คือ เวลาเช้าจะสถิตอยู่ที่หน้า มนุษย์จึงต้องล้างหน้า เวลาเที่ยงราศีสถิตอยู่ที่อก มนุษย์จึงต้องปะพรมน้ำที่หน้าอก และเวลาค่ำสถิตอยู่ที่เท้า มนุษย์จึงต้องล้างเท้า จึงจะพ้นอัปรีย์จัญไรทั้งปวง"
ธรรมบาลกุมารเมื่อได้ยินดังนั้น ก็ได้จดจำคำตอบและนำไปบอกแก่ท้าวกบิลพรหม ท้าวกบิลพรหมจึงจำต้องตัดเศียรของตนบูชาธรรมบาลกุมาร แต่เศียรของท้าวกบิลพรหมมีพิษมาก คือ ถ้าตัดแล้วตั้งไว้บนแผ่นดิน แผ่นดินก็จะลุกเป็นไฟ ถ้าโยนขึ้นสู่ท้องฟ้าฝนก็จะตกไม่ถูกต้องตามฤดูกาล และถ้าทิ้งลงมหาสมุทรน้ำก็จะเหือดแห้ง ท้าวกบิลพรหมจึงรับสั่งเรียกธิดาทั้ง ๗ เพื่อให้นำเศียรของท้าวกบิลพรหมไปแห่ประทักษิณรอบเขาพระสุเมรุ ๖๐ นาที แล้วจึงนำไปเก็บไว้ในมณฑปถ้ำธุลีเขาไกรลาศ ครั้นครบกำหนด ๓๖๕ วัน (โลกสมมุติว่าเป็น ๑ปี) เป็นสงกรานต์ ซึ่งหมายถึงขึ้นปีใหม่นั้นเอง นางสงกรานต์ก็จะต้องนำเศียรของท้าวกบิลพรหมแห่ประทักษิณรอบเขาพระสุเมรุเป็นประจำทุกปี

ความหมายของคำที่เกี่ยวข้องกับสงกรานต์
สงกรานต์ ที่แปลว่า "ก้าวขึ้น" "ย่างขึ้น" นั้นหมายถึง การที่ดวงอาทิตย์ ขึ้นสู่ราศีใหม่ อันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกเดือน ที่เรียกว่าสงกรานต์เดือน แต่เมื่อครบ ๑๒ เดือนแล้วย่างขึ้นราศีเมษอีก จัดเป็นสงกรานต์ปี ถือว่าเป็น วันขึ้นปีใหม่ทางสุริยคติ ในทางโหราศาสตร์
มหาสงกรานต์ แปลว่า ก้าวขึ้นหรือย่างขึ้นครั้งใหญ่ หมายถึงสงกรานต์ปี คือปีใหม่อย่างเดียว กล่าวคือสงกรานต์หมายถึง ได้ทั้งสงกรานต์เดือนและสงกรานต์ปี แต่มหาสงกรานต์ หมายถึง สงกรานต์ปีอย่างเดียว
วันเนา แปลว่า "วันอยู่" คำว่า "เนา" แปลว่า "อยู่" หมายความว่าเป็นวันถัดจากวันมหาสงกรานต์มา ๑ วัน วันมหาสงกรานต์เป็นวันที่ดวงอาทิตย์ย่างสู่ราศีตั้งต้นปีใหม่ วันเนาเป็นวันที่ดวงอาทิตย์เข้าที่เข้าทาง ในวันราศีตั้งต้นใหม่เรียบร้อยแล้ว คืออยู่ประจำที่แล้ว
วันเถลิงศก แปลว่า "วันขึ้นศก" เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ การที่เปลี่ยนวันขึ้นศกใหม่มาเป็นวันที่ ๓ ถัดจากวันมหาสงกรานต์ ก็เพื่อให้หมดปัญหาว่า การย่างขึ้นสู่จุดเดิม สำหรับต้นปีนั้นเรียบร้อยดี ไม่มีปัญหาเพราะอาจมีปัญหาติดพันเกี่ยวกับชั่วโมง นาที วินาที ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ที่จะเปลี่ยนศกถ้าเลื่อนวันเถลิงศกหรือวันขึ้นจุลศักราชใหม่มาเป็น วันที่ ๓ ก็หมายความว่า อย่างน้อยดวงอาทิตย์ได้ก้าวเข้าสู่ราศีใหม่ ไม่น้อยกว่า ๑ องศาแล้วอาจจะย่างเข้าองศาที่ ๒ หรือที่ ๓ ก็ได้วันสงกรานต์เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ ซึ่งกษัตริย์สิงหศแห่งพม่า ทรงตั้งขึ้นเมื่อปีกุนวันอาทิตย์ พ.ศ. ๑๑๘๑ โดยกำหนดเอาดวงอาทิตย์เข้าสู่ราศีเมษได้ ๑ องศา ประกอบกับไทยเราเคยนิยมใช้จุลศักราช สงกรานต์จึงเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยอีกด้วย ในปีแรกที่กำหนดเผอิญเป็นวันที่ ๑๓ เมษายน ซึ่งอันที่จริงไม่ใช่วันที่ ๑๓ เมษายนทุกปี แต่เมื่อเป็นประเพณี ก็จำเป็นต้องเอาวันนั้นทุกปี เพื่อมิให้การประกอบพิธี ซึ่งมิได้รู้โดยละเอียดต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา วันที่ ๑๓ จึงเป็นวันสงกรานต์ของทุกปี
ปกติวันสงกรานต์จะมี ๓ วัน คือ เริ่มวันที่ ๑๓ เมษายน ถึงวันที่ ๑๕ เมษายน วันแรกคือวันที่ ๑๓ เป็นวันมหาสงกราต์ วันที่พระอาทิตย์ต้องขึ้นสู่ราศีเมษ วันที่ ๑๔ เป็นวันเนา (พระอาทิตย์คงอยู่ที่ ๐ องศา) วันที่ ๑๕ เป็นวันเถลิงศกใหม่ และเริ่มจุลศักราชในวันนี้ เมื่อก่อนจริงๆ มีถึง ๔ วัน คือวันที่ ๑๓ -๑๖ เป็นวันเนาเสีย ๒ วัน (วันเนาเป็นวันอยู่เฉยๆ) เป็นวันว่าง พักการงานนอกบ้านชั่วคราวจะเห็นได้ว่า วันสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย จนถึง พ.ศ.๒๔๘๓ ทางราชการจึงได้เปลี่ยนไหม่ โดยกำหนดเอาวันที่ ๑ มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่ เพื่อให้เข้ากับ หลักสากลที่นานาประเทศนิยมปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ ประชาชนก็ยังยึดถือว่า วันสงกรานต์มีความสำคัญ




นางสงกรานต์
เป็นธิดาของท้าวกบิลพรหม หรือท้าวมหาสงกรานต์ และเป็นนางฟ้าอยู่บนสรวงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราช (สวรรค์ชั้นที่ ๑ ในทั้งหมด ๖ ชั้น) ซึ่งมีหน้าที่ในการรับศีรษะของท้าวกบิลพรหมแห่รอบเขาพระสุเมรุในแต่ละรอบปี หรือในวันสงกรานต์นั้นเอง โดยมีเกณฑ์กำหนดที่ว่าวันสงกรานต์ คือวันที่ ๑๓ เมษายน ตรงกับวันใดก็ให้นางสงกรานต์ประจำวันนั้นเป็นผู้แห่ นางสงกรานต์มีทั้งหมด ๗ องค์ ได้แก่
๑. นางสงกรานต์ทุงษเทวี
ทุงษเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันอาทิตย์ ทัดดอกทับทิม มีปัทมราค (แก้วทับทิม) เป็นเครื่องประดับ ภักษาหาร คือ อุทุมพร (มะเดื่อ) อาวุธคู่กาย พระหัตถ์ ขวาถือจักร พระหัตถ์ซ้ายถือสังข์ เสด็จไสยาสน์เหนือปฤษฎางค์ครุฑ
๒. นางสงกรานต์โคราดเทวี
โคราดเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันจันทร์ ทัดดอกปีป มีมุกดาหาร (ไข่มุก) เป็นเครื่องประดับภักษาหาร คือ เตละ (น้ำมัน) อาวุธคู่กาย พระหัตถ์ขวาถือพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายถือไม้เท้า เสด็จประทับเหนือพยัคฆ์ (เสือ)
๓. นางสงกรานต์รากษสเทวี
รากษสเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันอังคาร ทัดดอกบัวหลวง มีโมรา (หิน) เป็นเครื่องประดับ ภักษาหาร คือ โลหิต (เลือด) อาวุธคู่กาย พระหัตถ์ขวาถือตรีศูล พระหัตถ์ซ้ายถือธนู เสด็จประทับเหนือวราหะ (หมู)
๔. นางสงกรานต์มัณฑาเทวี
มัณฑาเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันพุธ ทัดดอกจำปา มีไพฑูรย์ (พลอยสีเหลืองแกมเขียว) เป็นเครื่องประดับ ภักษาหาร คือ นมและเนย อาวุธคู่กาย พระหัตถ์ ขวาถือเหล็กแหลม พระหัตถ์ซ้ายถือไม้เท้า เสด็จไสยาสน์เหนือปฤษฎางค์คัสพะ (ลา)
๕. นางสงกรานต์กิริณีเทวี
กิริณีเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันพฤหัสบดี ทัดดอกมณฑา (ยี่หุบ) มีมรกตเป็นเครื่องประดับ ภักษาหาร คือ ถั่วและงา อาวุธคู่กาย พระหัตถ์ขวาถือพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายถือปืน เสด็จไสยาสน์เหนือปฏษฎางค์ชสาร (ช้าง)
๖. นางสงกรานต์กิมิทาเทวี
กิมิทาเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันศุกร์ ทัดดอกจงกลนี มีบุษราคัมเป็นเครื่องประดับ ภักษาหาร คือ กล้วยและน้ำ อาวุธคู่กาย พระหัตถ์ขวาถือพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายถือพิณ เสด็จประทับยืนเหนือมหิงสา (ควาย)
๗. นางสงกรานต์มโหทรเทวี
มโหทรเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันเสาร์ ทัดดอกสามหาว (ผักตบชวา) มีนิลรัตน์เป็นเครื่องประดับ ภักษาหาร คือ เนื้อทราย อาวุธคู่กาย พระหัตถ์ขวาถือจักร พระหัตถ์ซ้ายถือตรีศูล เสด็จประทับเหนือมยุราปักษา (นกยูง)

การทำบุญ ในวันสงกรานต์
การทำบุญในวันสงกรานต์มีทั้งพิธีหลวงและพิธีราษฎร์ ๑. พิธีหลวง พระราชพิธีสงกรานต์ (คัดจากปี ๒๕๓๑)
วันที่ ๑๕ เมษายน ในเวลาเช้า ๑๐.๓๐ น. พระสงฆ์ที่รับอาราธนามาเจริญพระพุทธมนต์ที่พระที่นั่งอัมรินทร์วินิจฉัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธรูปสำคัญต่างๆ ที่หอพระสุราลัยพิมาน แล้วเสด็จหอพระบรมอัฐิที่หอพระธาตุมณเฑียร สรงน้ำพระ พระบรมอัฐิและพระอัฐิ ถวายสักการะพระสยามเทวาธิราชที่พระที่นั่งไพศาลทักษิณ เสด็จออกพระที่นั่งอัมรินทร์วินิจฉัย ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ทรงศีล พระสงฆ์จำนวน ๖๗ รูป เท่าจำนวนพระบรมอัฐิ และพระอัฐิที่อาราธนาจากวัดที่เกี่ยวข้อง กับพระบรมอัฐิและพระอัฐิ เจริญพระพุทธมนต์ ฉันภัตตาหารเพล เสร็จแล้วอัญเชิญพระบรมอัฐิ จากหอพระธาตุมณเฑียรเป็นกระบวนแห่ มีประโคมสังข์ แตร กลองชนะ ตั้งแต่เวลาเชิญออก จนกระทั่งถึงบนราชบัลลังก์นพปฏลมหาเศวตฉัตร ในพระที่นั่งอัมรินทร์วินิจฉัย ทรงจุดธูปเทียนราชสักการะ พระพุทธรูปประจำพระชนมวารของพระบรมอัฐิ ทรงจุดธูปเทียน ถวายสักการะพระบรมอัฐิและพระอัฐิ ทรงทอดผ้าคู่ (ถือผ้าขาว ๒ ผืน นุ่งผืน ๑ ห่มผืน ๑) มีขวดน้ำหอม ๑ ขวด พระสงฆ์นั่งสดับปกรณ์ตามลำดับวัดประจำพระบรมอัฐิ เวลา ๑๖.๓๐ น. เสด็จสรงน้ำพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรพระพุทธสัมพรรณี พระชัยหลังช้าง พระพุทธรูปฉลองพระองค์รัชกาลที่ ๑ รัชกาลที่ ๒ เสด็จสรงน้ำพระคันธราษฎร์ สรงน้ำ พระโพธิ์ พระนิโครธ พระพุทธเจดีย์ทอง พระไตรปิฎกฉบับทองทึบ พระนาคที่วิหารขาวสดับปกรณ์ พระบรมอัฐิกรมพระราชวังบวรสถานมงคล และพระอัฐิเจ้านายต้นราชสกุลต่างๆ เปิดปราสาทพระเทพบิดรวันที่ ๑๓ ๑๔ ๑๕ ๑๖ เมษายน เพื่อให้ประชาชนถวายสักการะ พระบรมรูปบูรพมหากษัตริยาธิราชเมื่อก่อน การบำเพ็ญพระราชกุศลในพระบรมมหาราชวังมี ๔ วัน คือวันที่ ๑๓-๑๖ เมษายน ปัจจุบันมีเฉพาะวันที่ ๑๕ เมษายน วันเดียว ซึ่งในเช้าวันที่ ๑๕ เมษายน โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานนิมนต์พระ ๑๕๐ รูป เข้าไปรับอาหารบิณฑบาตรทีในพระบรมมหาราชวัง เวลา ๑๐.๓๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิตไปยังพระมหามณเฑียร ในพระบรมมหาราชวัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จฯ พระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ สรงน้ำพระพุทธรูปสำคัญที่หอพระสุลาลัยพิมาน ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการ แล้วเสด็จฯ ไปทรงจุดธูปเทียนบูชาพระสยามเทวาธิราช ที่พระที่นั่งไพศาลทักษิณ เสด็จฯ ไปยังหอพระธาตุมณเฑียร ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะและสรงน้ำพระบรมอัฐิ พระอัฐิ แล้วเสด็จออกพระที่นั่งอัมรินทร์วินิจฉัยทางพระทวารเทวราชมเหศวร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียน เครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ ๗๑ รูปเจริญพระพุทธมนต์การ พระราชพิธีสงกรานต์ จบแล้วทรงประเคนภัตตาหาร เมื่อพระสงฆ์รับพระราชทานฉันเสร็จ เจ้าพนักงานเชิญพระบรมอัฐิและพระอัฐิออกประดิษฐานบนพระราชบัลลังก์ ภายใต้นพปฏลมหาเศวตฉัตรและบนที่นั่งกงภายใต้ฉัตรขาวลายทอง ๕ ชั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะถวายบังคมพระอัฐ แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทอดผ้าคู่ พระสงฆ์สดับปกรณ์ พระบรมอัฐิและพระอัฐิ แล้วถวายอนุโมทนาถวายอดิเรก ถวายพระพรลา เสด็จพระราชดำเนินประทับรถยนต์พระที่นั่ง ที่พระที่นั่งทวารเทเวศรรักษาเสด็จพระราชดำเนินกลับ เวลา ๑๖.๓๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนิน ไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เจ้าพนักงานกราบบังคมทูล รายงานเครื่องราชสักการะที่ทรงพระราชอุทิศ พระราชทานให้กระทรวงมหาดไทยเชิญไป ถวายเป็นพุทธบูชา เจดียสถานต่างๆ แล้ว เสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่พระอุโบสถ ทรงพระสุหร่ายสรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระสัมพุทธพรรณี พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงจุดธูปเทียนถวายนมัสการ แล้วเสด็จพระราชดำเนิน ไปสรงน้ำปูชนียวัตถุตามเจดียสถานในพระอารามนี้ แล้วเสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่หอพระนาก ทรงจุดธูปเทียน ถวายสักการะพระอัฐิ ๕ รูป สดับปกรณ์แล้วทรงทอดผ้าพระสงฆ์อีก ๕๐ รูป สดับปกรณ์พระอัฐิพระราชวงศ์ พระสงฆ์ถวายอนูโมทนา ถวายดิเรก เป็นเสร็จการ
๒. พิธีราษฎร์
การทำบุญในวันสงกรานต์ อาจจะทำการตักบาตรทำบุญได้ ๒ แห่งคือ ที่วัดหรือในบริเวณงานที่จัดไว้แล้ว วิธีตักบาตร ใช้วิธีเรียงแถว และนิมนต์พระเดินตามลำดับ โดยชายตักบาตรด้วยข้าว หญิงตักบาตรด้วยของคาวหวาน ถ้าเต็มบาตรก็ถ่ายใส่ภาชนะอื่น และนิมนต์ท่านรับจนทั่ว เสร็จแล้วอาจนิมนต์ท่านฉัน ณ สถานที่จัดงาน หรือให้ท่านนำไปฉันที่วัดก็ได้ ในเวลาตักบาตรพระสงฆ์จะสวดถวายพรพระคือ พาหุง พอเสร็จ ก็ช่วยกันยกอาหารคาวหวานไปถวายพระ ขณะพระฉัน จะมีการอ่านประกาศสงกรานต์กันในตอนนี้ บางคนก็อาจจะอยู่ฟังอนุโมทนา เป็นอันเสร็จพิธี การก่อเจดีย์ทราย จะทำในวันใดวันหนึ่ง ของวันที่ ๑๓-๑๕ เมษายนก็ได้ ผู้ทำบุญจะช่วยกันขนทราย มาก่อเป็นเจดีย์ขนาดต่างๆ ในบริเวณวัด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ ให้ใช้ก่อสร้าง หรือถมพื้นที่ เป็นเรื่องที่ถือว่าได้บุญและสนุกสนาน แต่ไม่มีข้อจำกัดว่าต้องทำทุกวัด การปล่อยนกปล่อยปลา เป็นการทำบุญเพื่อแสดงความกรุณาต่อสัตว์ นิยมทำในวันสงกรานต์และไม่จำกัดว่าจะทำในวัดเท่านั้น การสรงน้ำพระ มีทั้งสรงน้ำพระพุทธรูปและภิกษุ สามเณร เพื่อความเป็นศิริมงคลในโอกาสขึ้นปีใหม่อันเป็นเวลาที่อากาศร้อน การรดน้ำผู้ใหญ่ เป็นเรื่องของการแสดงคารวะต่อผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ผู้ร่วมพิธีควรน้ำผ้า ๑ สำรับ คือ ผ้านุ่ง ๑ ผืน ผ้าห่ม ๑ ผืน ไปมอบให้ท่านพร้อมกับ ดอกไม้ธูปเทียน การรดน้ำผู้ใหญ่ดังกล่าวมานี้ มักจะรดหรืออาบท่านจริง ๆ จึงต้องมีผ้าไปมอบให้ ปัจจุบันบางแห่งรดเฉพาะที่ฝ่ามือ โดยจะเอาน้ำหอมเจือในน้ำด้วย แต่ก็ยังคงมีผ้านุ่งห่ม ๑ สำรับและดอกไม้ธูปเทียนไปแสดงคารวะ และขอพรท่านก็จะให้ศีลให้พรให้มีความสุขปีใหม่ คือตั้งแต่วันสงกรานต์เป็นต้นไป การทำบุญอัฐิ เป็นเรื่องที่นิยมทำแบบนิมนต์พระ ชักบังสุกุลอัฐิของญาติที่ล่วงลับไปแล้ว แล้วอุทิศส่วนกุศลให้ โดยนิมนต์พระไปยังสถานที่เก็บหรือบรรจุอัฐิ หรือถ้าไม่มีอัฐิจะเขียนชื่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้วก็ได้ เมื่อบังสุกุลแล้วก็เผากระดาษแผ่นนั้นเสีย เหมือนเผาศพ การทำบุญอัฐิจะทำในวันไหนก็ได้สุดแต่จะนัดหมายกัน การรื่นเริง จัดขึ้นเพื่อเชื่อมความสามัคคีในหมู่คณะ เป็นการอนุรักษ์ประเพณีต่างๆ ในท้องถิ่นไว้ด้วย การสาดน้ำ เป็นการสนุกสนานรื่นเริงอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของสงกรานต์ คือ สาดน้ำกันโดยมากจะเริ่มต้นในวันสรงน้ำพระ แต่บางแห่งพอเริ่มสงกรานต์ ก็เริ่มสาดน้ำกันทีเดียว ส่วนใหญ่แล้วใช้น้ำสะอาดมีน้ำอบน้ำหอม หรือแป้งหอมผสมบ้างก็ได้ และไม่ถือเป็นเรื่องเสียหายการแห่นางแมว บางแห่งอาจมีการแห่นางแมวเพื่อขอฝนด้วย ซึ่งเป็นเรื่องสนุกสนานรื่นเริงเหมือนกัน แต่ก็หวังผลในทางเกษตรกรรมด้วย กล่าวคือ ถ้าเกิดฝนแล้งก็แห่นางแมวกันในช่วงวันทำบุญสงกรานต์ เช่นเดียวกัน




กิจกรรมวันสงกรานต์
๑. ทำบุญตักบาตร ทั้งนี้เพื่อให้เกิดสิริมงคลแก่ชีวิต๒. ปล่อยนกปล่อยปลา คนไทยมีความเชื่อว่าการปล่อยนกปล่อยปลา ถือว่าเป็นการอโหสิกรรมและชำระบาปในส่วนที่ตนเป็นผู้ก่อ อีกทั้งทำให้เคราะห์ร้ายที่จะเกิดขึ้นหมดไป๓. ให้ทานแก่ผู้ที่ขัดสน เช่น คนชรา เด็กพิการ เด็กกำพร้า เป็นต้น๔. สรงน้ำพระพุทธรูป และสรงน้ำพระภิกษุสามเณร๕. การรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ ได้แก่ บิดา มารดา ญาติผู้ใหญ่ และบุคคลที่มีพระคุณ การรดน้ำผู้ใหญ่ในวันสงกรานต์ ด้วยต้อง การขอขมาสิ่งที่อาจจะล่วงเกินผู้ใหญ่ ในบางครั้ง รวมถึงเป็นการขอพรเพื่อเป็นสิริมงคล และข้อคิดเตือนใจแก่ตนเอง อีกทั้งเพื่อเป็นการแสดงถึงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณอีกด้วย การรดน้ำ ถือเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ ซึ่งแสดงถึงความกตัญญูกตเวทีของบุตรหลานที่มีต่อบุพการีหรือญาติผู้ใหญ่ อีกทั้งเป็นการขอพรจากบิดามารดา ญาติผู้ใหญ่ เพื่อเป็นสิริมงคลในวันขึ้นปีใหม่๖. การละเล่นสาดน้ำ ประเพณีนี้ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของวันสงกรานต์เลยทีเดียว ด้วยงานฉลองวันสงกรานต์นั้นเป็นช่วง ฤดูร้อน ประเพณีเริ่มจากการที่มีการสรงน้ำพระ และรดน้ำญาติผู้ใหญ่ การเล่นสาดน้ำนั้นนิยมกันในหมู่ของหนุ่มสาว น้ำที่ใช้สาดกันนั้นจะใส่น้ำอบ น้ำหอม แต่ในปัจจุบันประเพณีอันดีงามอันนี้ได้จางหายไปตามกาลเวลาและยุคสมัย ในปัจจุบันมีการสาดน้ำกันอย่างรุนแรง รวมถึงได้มีการนำอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้ามาใช้ในการละเล่นสาดน้ำมากขึ้นด้วย



สิ่งที่ได้จากการทำบุญสงกรานต์
๑. เป็นการแสดงความเคารพบูชาต่อสิ่งที่ตนเคารพ ต่อบิดามารดา และผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ๒. เป็นการชำระจิตใจ และร่างกายให้สะอาด๓. เป็นการรักษาประเพณีมาแต่เดิม๔. เป็นการสนุกสนานรื่นเริงในรอบปี และพักจากงานประจำชั่วคราว เพื่อจะไปพักผ่อนหย่อนใจ๕. เป็นการเตือนสติว่ามนุษย์นั้นผ่านไป ๑ ปีแล้วและในรอบปีที่ผ่านมา เราได้ทำอะไรบ้างและควรจะทำอะไรต่อไปในปีที่กำลังจะมาถึง๖. เป็นการเตรียมตัวบวช ถ้าเป็นผู้ชายโดยเอาระยะเวลานี้บวชกัน เพราะหลังสงกรานต์ต้องเตรียมตัวทำนาแล้ว๗. เป็นการทำความสะอาดพระ โต๊ะบูชา บ้านเรือน ทั้งในและนอกบ้าน